เขาเเผงม้า
เขาแผงม้าหรือเขาภูหลวงซึ่งเป็นเขาสูงชันเป็นแนวยาว เมื่อมองจากที่ไกลๆคล้ายสันคอม้า จึงเรียกว่า เขาแผงม้าเขาลูกนี้เคยปกคลุมไปด้วยป่า มีพื้นที่กว้างขวางกว่าแสนไร่ เป็นผืนป่าเดียวกับป่าดงพญาไฟอยู่ประชิด อช.เขาใหญ่ และ อช.ทับลาน มีสัตว์ป่าอย่างวัวกระทิงจากผืนป่าดังกล่าวมาหากินอยู่เป็นประจำ ต่อมามีการบุกรุกป่าและสัมปทานไม้ของเอกชน เขาแผงม้า ที่เคยรกครึ้มไปด้วยป่าจึงกลายเป็นเขาหัวโล้นในที่สุด
ที่ตั้งและการเดินทาง หมู่ 4 บ้านเขาแผงม้า ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว
รถยนต์ส่วนตัว หากเดินทางมาทางด้าน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จะสะดวกกว่าโดยใช้เส้นทางหมายเลข 304 จนถึงแยกซ้ายบริเวณ กม.79 หนองคุ้ม ไปอีก 11 กม.จะเห็นป้ายโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯปากทางเข้าทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปราว 2 กม.จะถึงสำนักงานฯ
รถประจำทาง ขึ้นรถโดยสารโคราช-ระยอง ลงที่ตลาด 79 แล้วหารถเหมาขึ้นไป หรือจะให้สะดวกควรติดต่อนัดหมาย ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิลงมารับตรงทางขึ้น
ประวัติ ในปี พ.ศ.2530 มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ได้เริ่มสำรวจพื้นที่ป่าเขาแผงม้าร่วมกับชาวบ้าน เพื่อฟื้นฟูป่าเขาแผงม้า ซึ่งถูกทำลายไปเมื่อคราวบริษ้ทเอกชนได้สัมปทานเข้าทำไม้ และชาวบ้านเข้าจับจองเป็นที่ทำกิน ต่อมาในปี พ.ศ.2537 จึงเริ่มโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯโดยมีพื้นที่โครงการ 11,250 ไร่ แต่มีพื้นที่เหมาะแก่การปลูกป่าเพียง 5,000 ไร่เขาแผงม้า : เข้าป่าซุ่มดูกระทิง
- มีบ้านพัก ที่กางเต้นท์ (มีเต้นให้เช่า)
- ควรนำกล้องส่องตา/คู่มือดูนกไปด้วย
- ควรติดต่อคนนำทาง
- โทร. 0-1907-8260 หรือ อบต.วังน้ำเขียว โทร.0-4422-8249
.................................................................................................................
เเหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท

เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคอีสานได้พบโครงกระดูกโบราณถึง 60 โครง พร้อมกับภาชนะดินเผาแบบต่างๆและเครื่องประดับทั้งที่ทำจากเปลือกหอยและสำริดจำนวนมาก กรมศิลปากรได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนจาก ททท.ภายใต้โครงการอีสานเขียวพัฒนาแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขึ้นเป็นแห่งที่ 2 ของภาคอีสานหลังจากเปิดพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีมาก่อนหน้านี้
หมู่บ้านปราสาทใต้มีที่พักแบบโฮมเสตย์บริการ สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้วิธีชีวิตชุมชน
ที่ตั้งและการเดินทาง : หมู่ 7 บ้านปราสาทใต้ ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง ห่างจากตัวเมืองโคราชประมาณ 45 กม.
รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองโคราชใช้ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ(โคราช-ขอนแก่น) ถึงหลัก กม.44 จะมีทางแยกซ้ายมือเห็นป้ายบอกชัดเจน ปากทางเข้ามีศาลาที่พักและคิวรถมอเตอร์ไซค์ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนลาดยางประมาณ 2 กม.
รถประจำทาง นั่งรถสายโคราช-พิมาย ลงตรงปากทางเข้าแล้วต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 30 บาท (ไป-กลับ) โดยคนขับจะนำชมหลุมขุดค้นทั้งสามแห่งด้วย
ประวัติ : นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าบริเวณบ้านปราสาทใต้เป็นที่ตั้งชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์สมัยทวารวดี ดังปรากฎหลักฐานที่กู่ธารปราสาท ซึ่งเป็นศาสนสถานสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13 ต่อจากนั้นบ้านปราสาทใต้ก็ได้รับอิทธิพลขอมที่แผ่เข้ามาในภูมิภาคนี้ ได้พบโบราณวัตถุศิลปะเขมรในบริเวณหมูบ้านด้วย บ้านปราสาทได้มีพัฒนาการไม่ต่างจากไม่ต่างจากชุมชนโบราณอื่นๆในแอ่งอารยธรรมโคราช โดยเฉพาะยุคประวัติศาสตร์ซึ่งได้พบโบราณวัตถุที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
สิ่งที่น่าสนใจ : หลุมทั้งสามตั้งอยู่ใกล้กัน อีกทั้งมีข้อมูลเกี่ยวกับพิธีกรรมฝังศพและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ยกเว้นหลุมขุดค้นที่สอง มีข้อมูลไม่มากนัก
แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท : พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
เข้าชมฟรี แต่มีกล่องรับบริจาคบำรุงสถานที่
มีชาวบ้านนำชมช่วงเวลา 08.00-16.00 น.
มีร้านเครื่องดื่มและขายของฝาก
มีที่พักแบบโฮมเสตย์ 40 หลังคาเรือนพักได้ 3คน/หลังราคา 300 บาท/หลัง/คืน
ติดต่อชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โบราณคดี หมู่ 7บ้านปราสาทใต้ ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังนครราชสีมา 30240 โทร.0-4436-7075 หรือโรงเรียนบ้านธารปราสาท โทร.0-4436-7062 หรือสำนักงาน ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 1 (นครราชสีมา) โทร.0-4421-3666,0-4421-3030 โทรสาร 0-4421-3667
..........................................................................................................
อนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ : ทุ่งแห่งวีรกรรมชาวโคราช

ทุ่งสัมฤทธิ์เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกแห่งของโคราช ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่ย่าโมนำชาวโคราชสู้รบกับกองทัพเวียงจันทร์จนได้ชัยชนะ ลักษณะเป็นทุ่งโล่งอย่างที่เห็นทั่วไป
ชาวบ้านทุ่งสัมฤทธิ์ ได้ร่วมกันสร้างศาลสถิตดวงวิญญาณนางสาวบุญเหลือ และวีรชนชาวโคราชเอาไว้บริเวณทุ่งสัมฤทธิ์ เพื่อกราบไว้สักการะ ปัจจุบันได้มีการสร้างอาคารหลังใหม่ขยายให้โอ่โถงขึ้น
ที่ตั้งและการเดินทาง : หมู่ 1 บ้านสัมฤทธิ์ตะวันออก ตำบลสัมฤทธิ์ ห่างจากตัวเมืองโคราชประมาณ 46 กม.
รถยนต์ส่วนตัว จากตัวโคราชใช้ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ ไปทางอำเภอพิมาย จนถึงช่วงหลัก กม.43-44 จะมีทางแยกขวาเข้าไปประมาณ 3 กม.
รถประจำทาง ขึ้นรถโดยสารสายโคราช-พิมาย บางเที่ยวจะตัดผ่านทุ่งสัมฤทธิ์ ต้องใช้วิธีถามจากคนรถ
ประวัติ : เล่ากันว่า เมื่อคราวย่าโมเป็นผู้นำชาวโคราชเข้าต่อสู้กับฝ่ายเจ้าอนุวงศ์จนได้ชัยชนะ ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ มีสตรีผู้กล้าหาญร่วมต่อสู้อีกท่านหนึ่งคือ นางสาวบุญเหลือ ซึ่งเป็นผู้พลีชีพด้วยการจุดไฟทำลายเกวียน ที่บรรทุกดินระเบิดจนตัวตาย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2369 ชาวบ้านทุ่งสัมฤทธิ์และชาวโคราชได้ให้ความเคาำรพนับถือ ไม่ยิ่ง่ย่อนกว่าย่าโมและเรียกนางบุญเหลือว่า ย่าเหลือ
สิ่งน่าสนใจ : อนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ เป็นศาลสถิตดวงวิญญาณ
นางสาวบุญเหลือหรือย่าเหลือ และวีรชนชาวโคราชสร้างเป็นศาลาทรงไทย
แบบจัตรุมุข ขนาดกว้าง 5 ม.ยาว 5 ม.ชาวทุ่งสัมฤทธิ์ร่วมกันสร้างขึ้นใ่น พ.ศ.2531 ภายในศาลมีรูปปั้นนางสาวบุญเหลือ ขนาดย่อมยืนอยู่ในท่าถือคบเพลิงที่นำไปจุดเกวียนบรรทุกดินระเบิดของทหารลาวตามเรื่องราวในอดีตที่เล่ากันมา ข้างๆนางสาวบุญเหลือมีรูปปั้นและภาพวาดของย่าโมหรือท้าวสุรนารี ใ่นแต่ละวันจะมีชาวบ้านทุ่งสัมฤทธิ์และคนจากที่อื่นแวะเวียนมากราบไหว้บูชาบนบานศาลกล่าว เพราะเชื่อว่าดวงวิญญาณย่าเหลือยังสถิตอยู่ ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ ชาวบ้านทุ่งสัมฤทธิ์จะพร้อมใจกันจัดงานรำลึกถึงวีรกรรมในวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี
.................................................................................................................................
ปราสาทหินพิมาย : ปราสาทหินใหญ่ที่สุดในประเทศ
เปิดเวลา 08.30-18.00 น.
ค่าเข้าชมคนไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท
โทร. 0-4447-1568
|

เป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวนและนครวัดที่มีความงดงาม เชื่อว่าเป็นต้นแบบในการสร้างนครวัดในเขมรปราสาทหินแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเมืองพิมายซึ่งเป็นเมืองโบราณที่สำคัญของภูมิภาค มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับเมืองสำคัญทางตอนเหนือของลาวและทางตอนใต้ของขอม เมื่อชมปราสาทหินพิมายแล้วควรแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ซึ่งจัดเก็บโบราณวัตถุที่สำคัญจากปราสาทแห่งนี้ไว้ พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณใกล้กัน
ประวัติ : สร้างขึ้นเีพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคที่อาณาจักรขอมแผ่อิทธิพลมายังภูมิภาคนี้ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724-1761)มหาราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรขอมใน พ.ศ. 2479 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติและเริ่มบูรณะในปี พ.ศ.2494และ พ.ศ.2497กรมศิลปากรได้บูรณะองค์ปรางประธานอีกครั้ง โดยได้รับเงินงบประมาณจากรัฐบาลฝรั่งเศษ จนแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ.2507-2512 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 ได้กำหนดให้
เมืองโบราณพิมายและปราสาทหินพิมายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ ในปี พ.ศ.2529 โดยมีการอนุรักษ์และบูรณะเป็นอย่างดี
ที่ตั้งและการเดินทาง : อำเภอพิมายห่างจากโคราชประมาณ 60 กม.
รถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองโคราชใช้ถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงหมายเลข 2โคราช-ขอนแ่ก่น
ประมาณ 50 กม.พบทางแยกตลาดแคให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 206 อีก 10 กม.จะถึงปราสาทหินพิมายซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองพิมาย
รถประจำทาง ขึ้นรถโดยสารโคราช-พิมาย ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 2 ในตัวเมืองโคราชมีทั้งรถปรับอากากาศและรถธรรมดา รถจอดหน้าปราสาทหินพิมาย
สิ่งน่าสนใจ : ปราสาทหินพิมาย หันหน้าไปทางทิศใต้ไปทางที่ตั้งของเมืองพระนคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรขอม ปราสาทหินพิมายมีแบบแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 565 ม.ยาว1,030 ม.ล้อมรอบด้วยคูน้ำมีประตูเมืองทั้งสี่ทิศ ภายในบริเวณปราสาทหิน มีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่
................................................................................................................................................................................
ปราสาทหินเมืองเก่า : ชมอโรคยาศาลชัยวรมันที่ 7
เป็นอโรคยาศาลหรือโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจำนวน 102 แห่งที่พระเจ้าวรมันที่ 7 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในช่วงพ.ศ.1724-1758 ทั่วราชอาณาจักรขอม ปราสาทเมืองเก่านี้สร้างจากศิลาแลงและหินทรายมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบด้วยปรางค์ประธาน วิหาร กำแพงแก้ว ซุ้มประตู สระน้ำ ปัจจุบันเหลือเพียงซากกอกหิน ที่ตั้งและการเดินทาง : อยู่ในปราสาทเมืองเก่า บ้านเมืองเก่า หมู่ 1ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางเดียวกับปราสาทโนนกู่ โดยอยู่ห่างจากปราสาทเมืองแขกประมาณ 1 กม.
สิ่งที่น่าสนใจ : อโรคยาศาลประกอบด้วยปรางค์ประธานมีอาคารที่เรียกว่าบรรณาลัยตั้งอยู่ด้านหน้า ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีประตูื่ื่ทางเข้าที่เรียกว่าโคปุระ ทางด้านหน้าเพียงแห่งเดียว บริเวณด้านนอกกำแพงมีบารายหรือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ กรุด้วยศิลาแรง อโรคยาศาลเป็นสถานพยาบที่สร้างขึ้นริมเส้นทางโบราณที่เชื่อมเมืองนครธมกับปราสาทหินต่างๆ ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7ได้แผ่อำนาจไปถึงและสร้างปราสาทหินไว้ .............................................................................................................................................................................

สวนสัตว์นครราชสีมา : ชมสัตว์ป่าแอฟริกา
เปิดเวลา 08.00-18.00 น.
ค่าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียน 5 บาท พระภิกษุ คนชรา คนพิการชมฟรี รถมอเตอร์ไซด์ 10 บาท รถยนต์สี่ล้อ 50 บาท รถบัสทัวร์ 60 บาท
มีรถพ่วงนำชมรอบสวนสัตว์ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท มีจักรยานให้เช่า 20 บาท/ชม.
โทร.0-4435-7355

สวนสัตว์โคราชพิเศษจากสวนสัตว์ทั่วไปคือ มีสัตว์ป่าแอฟริกาให้ผู้สนใจได้เข้าชมศึกษา นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่หาชมได้ยาก เช่น แรกขาว เสือชีต้า เสือดำ วัวไบซัน อูฐ กระทิง นกพันธุ์ไทยอีกกว่า 300 ชนิด บรรยากาศภายในสวนสัตว์ร่มรื่นพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ มีรถพ่วงบริการนั่งชมภายในสวนสัตว์หรือจะเช่าจักรยานขี่เที่ยวก็ได้ ภายในสวนสัตว์มีอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึกจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว
ที่ตั้งและการเดินทาง : ถนนเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 19 กม.
รถยนส่วนตัว จากตัวเมืองโคราชใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ไปทางอำเภอปักธงชัย ประมาณ 18 กม.เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ(เข้าทางหลวงหมายเลข 2310)ไปอีกประมาณ 1 กม.ก็จะถึงที่ตั้งสวนสัตว์
รถประจำทาง ขึ้นรถบัสปรับอากาศสายตัวเมือง-สวนสัตว์ที่ตลาดแม่กิมเฮง คนละ 14 บาท

สิ่งที่น่าสนใจ : สัตว์ป่าแอฟริกาเป็นจุดเด่นของสวนสัตว์แห่งนี้ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม เนื่องจากสภาพแวดล้อมลักษณะภูมิอากาศของบริเวณที่ตั้งสวนสัตว์เหมาะสำหรับสัตว์ป่าแอฟริกา คือมีอากาศแบบร้อนและแห้งแล้ง ภายในสวนสัตว์มีสัตว์ป่าแอฟริกาที่สำคัญที่เรียกว่า " big five " ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของป่าแอฟริกาประกอบไปด้วยช้างแอฟริกา ควายป่า แรด เสือดาว และสิงโตกล่าวกันว่าหากได้ไปเที่ยวป่าแถบแอฟริกาแล้วได้เห็นสัตว์ทั้ง 5 ชนิดครบถ้วนถือว่าได้มาถึงป่าแอฟริกาอย่างแท้จริง
..............................................................................................................................................................................
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ : ชมศิลปะโบราณวัตถุล้ำค่า
เปิดเวลา 09.00-16.00 น. หยุดวันจันทร์-อังคาร
ค่าชมคนไทย 5 บาท ต่างชาติ 10 บาท โทร.0-4424-2958
เป็นอาคารโถงชั้นเดียวไม่ใหญ่โต แต่มีโบราณวัตถุสำคัญหลายอย่างที่ที่พบในเขต จ.นครราชสีมาและจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน โดยจัดเป็นหมวดหมู่เรียงลำดับยุคสมัย เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แสดงโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผากลองมโหระทึกทำด้วยสำริด ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ยุคต่อมาคือยุคประวัติศาสตร์จัดแสดงพระพุทธรูป ศิลาจารึก และข้าวของเครื่องใช้ที่หน้าสนใจอีกหลากหลาย
ที่ตั้งและการเดินทาง : ในวัดสุทธจินดา ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ถนนราชดำเนิน อำเภอเมือง
รถยนต์ส่วนตัว จากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีใช้ถนนราชดำเนินตรงไปทางศาลากลางจังหวัด เยื้องศาลากลางจะเป็นที่ตั้งวัด
รถประจำทาง ขึ้นรถเมลล์สาย 3 สายบ้านมะขามเฒ่า-วัดสระแก้ว ค่าโดยสาร 5 บาท  ประวัติ : โบราณวัตถุต่างๆ ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บางส่วนเค่ยเป็นสมบัติส่วนตัวของสมเด็จมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาซึ่งได้สะสมโบราณวัตถุจากจังหวัดต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมาได้มอบให้กรมศิลปากรเพื่อจัดแสดงเผยแพร่ เพื่อการศึกษาแก่สาธารณชนทั่วไป ในปีพ.ศ.2497 กรมศิลปากรจึงสร้างอาคารขึ้นบริเวณวัดสุทธจินดา จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พร้อมกับนำโบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งโบราณคดีอื่นๆที่ประชาชนบริจาคเพิ่มเติมนำมาจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย สิ่งที่น่าสนใจ : พระพุทธรูปสมัยทวารวดี เป็นพระพุทธรูปที่ได้จากแหล่งโบราณคดีเมืองเสมา และเมืองโคราฆปุระที่เชื่อว่าเป็นชุมชนแรกเริ่มของโคราช พระพุทธรูปทวารวดีมีพุทธลักษณะคล้ายพระพุทธรูปลพบุรี คือ ปากหนา ตาโปน วงหน้าเป็นเหลี่ยมและนิยมทำพุทธรูปปางนาคปรก เครื่องถ้วยและภาชนะดินเผา เป็นเครื่องถ้วยที่เผาจากเตาบุรีรัมย์ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเมืองแถบนี้ เครื่องถ้วยและไหมีหลายขนาดจัดแสดงไว้จำนวนสองตู้ มีทั้งสีเขียว สีน้ำตาล มีลวดลายสวยงามต่างๆ เช่น ลายนก แต่ละใบมีรูปแบบศิลปะเขมรที่แผ่อิทธิพลเข้าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-18
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดินเผาจากเตา ที่ขุดพบที่บ้านปราสาท อำเภอเนินสูงจัดแสดงไว้หนึ่งตู้ ลักษณะเด่นของเครื่องปั้นดินเผาชนิดนี้คือปากผาย หรือที่เรียกว่าปากแตร โบราณวัตถุที่หน้าสนใจอื่นๆ เช่น ศิลาจารึกจากปราสาทเมืองแขก กรองมโหระทึกสำริดสมัย 2,000-2,500 ปี ก่อนประวัติศาสตร์ หอยสังข์สำริดศิลปะเขมร พุทธศตวรรษที่ 17-18 กระดิ่งสำริดแบบนครวัดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้น
..............................................................................................................................................................................
วัดบ้านไร่(วัดหลวงพ่อคูณ) : นมัสการหลวงพ่อคูณ(สอบถามโทร.วัด044-253-113)
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นพระเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วย หลวงพ่อคูณเป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ ในแต่วันมีผู้ศรัทธาพากันมากราบนมัสการอย่างเนืองแน่น
ที่ตั้งและการเดินทาง ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด รถยนต์ส่วนตัว จากอำเภอด่านขุนทดให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 2217 ไปทางอำเภอบำเน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ประมาณ 11 กม.จะเห็นซุ้มประตูวัดทางขวามือชัดเจน เลี้ยวเข้าไปอีกราว 1 กม.จะถึงที่ตั้งวัด ถ้ามาจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ขับผ่านอำเภอปากช่องถึงอำเภอสีคิ้ว เลี้่ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201ขับตรงไปจนถึงอำเภอด่านขุนทด
รถประจำทาง นั่งสองแถวที่หน้า รพ.ด่านขุนทดราคา 6 บาทหรือนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากหน้ารพ.ด่านขุนทดไปส่งราคาเดียว 60 บาท ประวัติวัดบ้านไร่ : เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2436 ในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยมี พระอาจารเชื่อม
วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ได้มีการสร้างศาสนอาคารต่างๆขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเป็นเจ้าอาวาสได้มีการพัฒนาวัดมากที่สุด โดยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศ ได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่างๆ เช่นการบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจ : นมัสการหลวงพ่อคูณ
วันละสองครั้ง 10.00-11.00 น.,14.00-17.00 น.ในแต่วันจะมีผู้ศรัทธานับพันคนมาเฝ้ารอกราบนมัสการและถวายวัตถุปัจจัย พร้อมทั้งขอพรจากหลวงพ่อคูณโดยให้ท่านเคาะหัวจนเป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อคูณไปแล้ว วัตถุปัจจัยที่หลวงพ่อคูณได้รับจากชาวบ้านโดยเฉพาะเงินนั้นท่านจะคืนบางส่วนแก่ผู้ถวาย เพื่อนำไปเป็นขวัญถุงในการทำมาหากินต่อไป และเงินทองทรัพย์สินที่มีผู้ถวายมานั้นท่านก็จะนำไปพัฒนาชุมชนย่านด่านขุนทด โดยสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลจัดตั้งมูลนิธิเพื่อผู้ยากไร้ในชุมชน จนได้ชื่อว่าเป็นพระที่ทำการบริจาคมากที่สุด วัตรปฏิบัติของท่านเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนทั่วประเทศ
................................................................................................
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี : สักการะอนุสาวรีย์สามัญชนคนแรกของประเทศ
อนุสาวรีย์ย่าโมไม่เคยขาดพวงมาลัยที่ผู้คนนำมาบูชา คนต่างถิ่นที่ผ่านมาทางโคราชก็แวะมาสักการะย่าโมเพื่อเป็นสิริมงคล ชาวโคราชมักจะมาบนบานศาลกล่าวขอสิ่งต่างๆจากย่าโม เช่นขอให้มีงานทำ ขอให้มีลูก เมื่อสมประสงค์แล้วก็จะแก้บนด้วยสิ่งของที่กล่าวไว้ โดยเฉพาะการบนด้วยสิ่งที่ย่าโมโปรดปรานคือ เพลงโคราช ด้วยเหตุนี้บริเวณอนุสาวรีย์ย่าโมจึงเป็นแหล่งเพลงโคราชของพ่อเพลงแม่เพลงหลายคณะ อนุสาวรีย์ย่าโม ตั้งอยู่ในทำเลกลางเมืองเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโคราช ย่านอนุสาวรีย์ย่าโม จึงกลายเป็นย่านธุรกิจที่คึกคัก มีทั้งโรงแรมที่พัก รัานอาหาร ตลาดขายของที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม หรือของกินยี่ห้อดังที่ติดป้ายชวนชิมของนักชิมมืออาชีพที่ตั้งและการเดินทาง : ถนนราชดำเนิน เทศบาลเมืองโคราช รถประจำทาง มีวิ่งในตัวเมืองผ่านหลายสาย เช่น รถสองแถวสาย 1 รถบัสสาย 2,3,6 รถปรับอากาศสาย 15 ค่าโดยสาร 5-6 บาท สิ่งที่น่าสนใจ : อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นรูปหล่อทองแดงรมดำ สูง 1.85 ม.หนัก 325 กก.แต่ง กายด้วยเครื่องยศพระราชทานแบบโบราณ คือนุ่งผ้ายกทอง ห่มด้วยสไบกรองทองมีตะกรุดพิสมรมงคลสามสายทับสไบ สวมตุ้มหู อยู่ในลักษณะมือขวากุมดาบปลายชี้ลงพื้นมือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงเทพฯ
ในปี พ.ศ.2477 สมัยพระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ข้าหลวงประจำ ประจำ จ.นครราชสีมา และพันเอกพิเศษพระเริงรุกปัจจามิตร (ทองคำ รักสงบ)ผู้บังคับการมลฑณทหารที่ 5 พร้อมทั้งข้าราชการและประชาชนชาวนครราชสีมา ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิย่าโม โดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับพระเทวาภินิมมิตรประติมากรเลื่องชื่อในช่วงสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
........................................................................................................................................................................... |
|
|
|
ปราสาทเมืองแขก : ซากปราสาทขนาดใหญ่
เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโคราช ทว่าเหลือแต่เพียงซากฐานอาคาร พ.ศ.2533 กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งครั้งล่าสุด ได้พบโบราณวัตถุหลายชิ้น ที่สำคัญคือทับหลังรูปเทวดานั่งในซุ้มเหนือหน้ากาล มีสถาปัตยกรรมแบบเกาะแกร์ในศิลปขอม ซึ่งเป็นยุคสมัยเดียวกับปราสาทโนนกู่ห่างกันประมาณ 500 ม.ที่ตั้งและการเดินทาง : บ้านกกกอก ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางเดียวกับปราสาทโนนกู่ ห่างจากปราสาทโนนกู่ประมาณ 500 ม. สิ่งที่น่าสนใจ : เป็นปราสาทหินทรายผสมอิฐ แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆด้านนอกเป็นแนวคูน้ำขนานกับแนวคันดินเกือบรอบโบราณสถานทางด้านเหนือมีประตูหรือโคปุระ เป็นทางเดินเชื่อมไปยังด้านใน ซึ่งมีซากฐานปราสาทสามองค์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันโดยหันหน้าไปทางทิศเหนือ
พ้นจากแนวคูน้ำคันดินออกไปนอกสุด มีซากอาคารสองหลังสร้างหันหน้าเข้าหากัน อาคารทั้งสองหลังนี้มีแนวกำแพงล้อมรอบ เมื่อคราวที่กรมศิลปากรบูรณะ ได้พบทับหลังสลักลายก้านต่อดอกซึ่งเทียบได้กับลวดลายในศิลปะเขมรโบรณสมัยบันทายศรี ราวปี พ.ศ.1510-1550 นอกจากนี้ยังพบศิลาจารึกที่ถูกนำมาก่อเป็นฐานประูตูซุ้มชั้นนอกระบุปี พ.ศ.1514 และพ.ศ.1517 นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานจากหลักฐานที่พบทั้งหมดว่า ปราสาทแห่งนี้น่าจะเป็นศาสนสถาน ในคติฮินดูหรือพรามณ์ ที่สร้างขึ้นในราวพุูทธศตวรรษที่ 16 เพื่อประกอบพิธีกรรมถวายแด่พระศิวะ
..............................................................................................................................................................................
ปราสาทโนนกู่ : ปราสาทในเมืองโคราฆปุระ
ประวัติ : สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นยุคเดียวกับการสร้างปราสาทเมืองแขกที่ตั้งอยู่ใกล้กัน โดยพิจารณาจากสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุที่พบบริเวณนี้ ซึ่งมีลักษณะแบบศิลปะเกาะแกร์ที่พบในกัมพูชาซึ่งอยู่ในราว พ.ศ.1440-1490
ที่ตั้งและการเดินทาง : บ้านกกกอก หมู่ 7 ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน รถยนต์ส่วนตัว จากอำเภอปากช่องใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านโคราชไปประมาณ 32 กม.ก็จะถึงแยกเข้าอำเภอสูงเนินเลี้ยวเขาไปประมาณ 3 กม.จะพบทางเลี้ยวขวาข้างวัดญาณโศภิตวนาราม(วัดป่าสูงเนิน) เข้าไปอีกประมาณ 3 กม.จะพบปราสาทโนนกู่อยู่ทางด้านซ้ายมือ รถสองแถว เหมารถมอเตอร์ไซด์หรือรถสองแถวจากอำเภอสูงเนินเข้าไป สิ่งที่น่าสนใจ : โบราณสถานขนาดเล็กก่อด้วยอิฐและหินทราย นักโบราณคดีสันนิษฐานจากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลือ ว่าเป็นศิลปะแบบเขมรในราวพุทธศตวรรษที่ 15 สร้างเป็นปราสาทหลังเดี่ยวตั้งบนฐานสูงมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้ามีวิหารหันเข้าหาปราสาทประธานมีบรรณาลัยสององค์ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีซุ้มประตูเข้าออกทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก .........................................................................................................................................................................
อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง : กินอาหารพื้นบ้าน ชมทิวทัศน์ริมอ่างเก็บน้ำ
ลำตะคองเป็นสายน้ำสำคัญอีกสายหนึ่งของโคราช ที่ได้ใช้ในการบริโภคและอุปโภค เมื่อมีการสร้างเขื่อนลำตะคอง จึงเกิดพื้นที่น้ำท่วมถาวรกว้างใหญ่ กลายเป็นทิวทัศน์สวยงามที่นักท่องเที่ยวและคนพื้นที่นิยมมาพักผ่อนชมวิว ส่วนผู้สัญจรในเส้นทางปากช่อง-สีคิ้วก็ได้ชมธรรมชาติของผืนน้ำกว้างใหญ่อันสวยงามของเขื่อนลำตะคองเลียบไปกับทางหลวง
ที่ตั้งและการเดินทาง : ริมถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้วก่อนถึงตัวเมืองโคราช ประมาณ 62 กม. รถยนต์ส่วนตัว จากอำเภอปากช่องใช้ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2)มุ่งหน้าโคราชระหว่าง กม.184-193 หรือ รถสองแถว เหมารถสองแถวจากตัวเมืองสีคิ้ว 200 บาท สิ่งที่น่าสนใจ : บริเวณรอบขอบอ่างซึ่งเลาะเลียบไปกับ ถนนมิตรภาพเป็ผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาลสุดสายตามีภูเขาโอบล้อม เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามโดยเฉพาะช่วงตะวันขึ้นและคล้อยต่ำ ลำแสงตะวันที่ตกสู่ผิวน้ำจะทำให้งดงามชวนมองมากขึ้น เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของการยืนโคราชอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องเข้าไปถึงตัวเขื่อน บริเวณขอบอ่างเก็บน้ำริมเขื่อนถนนมิตรภาพมีจุดแวะชมวิวหลายแห่ง บางแห่งมีร้านอาหารหลายร้านให้นักท่องเที่ยวเลือกรับประทานพร้อมกับชมวิว อาหารที่โดดเด่นคือ อาหารพื้นบ้านประเภทส้มตำ ไก่ย่าง และอาหารประเภทปลาที่จับจากอ่างเก็บน้ำ เช่น ปลาช่อนตัวใหญ่ย่างเกลือ ปลากระทิงต้มยำหรือย่างก็อร่อยดี ...........................................................................................................................................................................
ชมฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
-ค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 90 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท
-มีรถฟาร์มแทร๊กเตอร์บริการพร้อมเจ้าหน้าที่พานำชม
-เปิดให้ชมเป็นรอบเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เวลา9.00-15.00 น.อังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00และ 14.00 น.
-สำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อน 3 วันได้ที่ กทม.โทร.0-2532-2846-8 ต่อ135,0-2523-9103 ฟาร์มโชคชัยโทร.0-4432-8485 ต่อ116,0-4432-8386 
มีพื้นที่กว้างขวางถึง 2,000 ไร่มีแม่พันธุ์โคนมถึง 5,000 ตัว นับเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุด และมีการจัดการที่ดีที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในฟาร์มมีทัศนียภาพสวยงาม เป็นทุ่งหญ้ากว้างไกล มีทิวเขาเป็นฉากหลัง อากาศเย็นสบายตลอดปี ภายในพื้นที่นับพันไร่นี้แบ่งเป็นฟาร์มต่างๆ เช่น ฟาร์มม้าแข่ง ฟาร์มสุนัข ฟาร์มนกสวยงาม ฟาร์มโคนมเป็นฟาร์มหลักที่มีขนาดใหญ่
...........................................................................................................................................................................
|
|
|
|
|
|